ศรีสุวรรณ ชี้ ธันบัตรเป็ด ผิดกฏหมาย โทษจำคุก 3 ปี

ศรีสุวรรณ ชี้ ธันบัตรเป็ด ผิดกฏหมาย โทษจำคุก 3 ปี

ศรีสุวรรณ ชี้ ธนบัตรเป็ด ที่กลุ่มผู้ชุมนุมแจกเพื่อซื้อสินค้าใน ม็อบ 25 พ.ย. ถือเป็นสิ่ง ผิดกฏหมาย โดยโทษสูงสุดอาจทั้งจำและปรับ นาย ศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า การผลิต การจ่ายแจก หรือนำออกมาใช้ซึ่งธนบัตรเป็ดดังกล่าว เป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายทั้งผู้ผลิต ผู้จ่ายแจก ผู้นำไปใช้ และร้านค้าผู้รับธนบัตรดังกล่าว เนื่องจากประเทศไทยมีกฎหมายที่ควบคุมเรื่องดังกล่าวไว้ คือ พระราชบัญญัติเงินตรา พ.ศ.2501 ซึ่งในมาตรา 9

ได้บัญญัติไว้ว่า ห้ามผู้ใดทำ จำหน่าย ใช้หรือนำออกใช้ซึ่งวัตถุหรือเครื่องหมายใดๆ แทนเงินตรา 

เว้นแต่จะได้รับอนุญาตจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และมีการดำหนดโทษสำหรับผู้ฝ่าฝืนไว้ คือ ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีหรือปรับไม่เกิน 50,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ นอกจากนั้นยังมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 240 อีกด้วยที่บัญญัติว่า ผู้ใดทำปลอมขึ้นซึ่งเงินตรา ไม่ว่าจะปลอมขึ้นเพื่อให้เป็นเหรียญกษาปณ์ ธนบัตรหรือสิ่งอื่นใด

ซึ่งรัฐบาลออกใช้หรือให้อำนาจให้ออกใช้ หรือทำปลอมขึ้นซึ่งพันธบัตรรัฐบาลหรือใบสำคัญสำหรับรับดอกเบี้ยพันธบัตรนั้นๆ ผู้นั้นกระทำความผิดฐานปลอมเงินตรา ต้องระวางโทษจำคุกตลอดชีวิต หรือจำคุกตั้งแต่ 10 ปีถึง 20 ปี และปรับตั้งแต่ 200,000 บาทถึง 400,000 บาท

ส่วนผู้ที่นำธนบัตรเปิดออกใช้จ่ายก็มีความผิดตาม มาตรา 244 ที่บัญญัติไว้ว่า ผู้ใดมีไว้เพื่อนำออกใช้ซึ่งสิ่งใดๆ อันตนได้มาโดยรู้ว่าเป็นของปลอมตามมาตรา 240 หรือของแปลงตามมาตรา 241 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1 ปีถึง 15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000 บาทถึง 300,000 บาท ดังนั้น การผลิตและนำออกมาจ่ายแจกให้ผู้ชุมนุมและร้านค้าใช้ธนบัตรเป็ด จึงเข้าข่ายความผิดทั้งหมด ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สามารถดำเนินการจับกุมดำเนินคดีได้ทันที

อย่างไรก็ตามนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี  ได้ออกมาแสดงความเห็นว่า คิดว่าธนบัตร ไม่มีจุดมุ่งหมายให้เป็นเงิน เพราะบางคนได้รับก็ฉีกทิ้งหรือเก็บไว้เป็นที่ระลึก ซึ่งขึ้นอยู่กับวัตถุประสงค์ของแต่ละคน ตนเชื่อว่าไม่มีเจตนาไปถึงขั้นนำไปแทนธนบัตรชำระหนี้ตามกฎหมาย และยังไม่เข้าข่ายเป็นเงินปลอม เพราะทุกคนรู้อยู่แล้วว่าไม่ใช่เงิน

ม็อบ คณะราษฎร ประกาศนัดชุมนุมที่ ห้าแยกลาดพร้าว 27 พ.ย. เวลา 16.00 น. เพื่อซ้อมต้านรัฐประหาร

กลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎรได้ประกาศนัดชุมนุมที่ บริเวณ ห้าแยกลาดพร้าว ในช่วงเวลา 17.00 น. ของวันที่ 27 พ.ย. เพื่อเป็นการ “ซ้อมต้านรัฐประหาร” โดยทางเพจ แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม ระบุว่า “ได้กลิ่นแปลก ๆ มีใครกำลังเสียบกุญแจรถถังรออยู่หรือเปล่า!!

วันศุกร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2563 เวลา 16:00 น. ขอนัดหมายที่บริเวณ ห้าแยกลาดพร้าว เพื่อการ ”ซ้อมต้านรัฐประหาร” ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงเวลาที่ผ่านมานั้นมีกระแสรัฐประหารเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วนั่นเป็นสิ่งไม่ควรเกิดขึ้น แต่ประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาสอนให้รู้ว่าเราไม่สามารถวางใจได้ ด้วยเหตุนี้ จึงขอเชิญมาทุกท่านมาร่วมชุมนุมกัน เพื่อซ้อมรับมือกับการรัฐประหารที่มีโอกาสเกิดขึ้น

“รัฐประหารคือการล้มล้างการปกครอง และถ้ากาลนั้นมาถึง ประชาชนจะไม่ยอมอีกต่อไป”

ทนาย อานนท์ เผยโดน หมายเรียก ม.112 อีกสองฉบับ

ทนายอานนท์ เปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวของเขาว่า เขาได้รับหมายเรียกในข้อหา ม.112 อีกสองฉบับ หลังจากที่เขากลับมาจากการชุมนุมเมื่อวันที่ 25 พ.ย. นายอานนท์ นำภา หรือ ทนายอานนท์ ได้โพสต์ภาพบนเฟซบุ๊ค ซึ่งเป็นภาพของหมายเรียกไปรับทราบข้อหาจาก 2 หน่วยงานในข้อหาละเมิด ม.112 จากการชุมนุมเมื่อช่วงเดือน กันยายน และ พฤศจิกายนที่ผ่านมา

โดย ทนายอานนท์ ระบุข้อความว่า แม่ส่งจดหมายมาให้ 2 ฉบับ 1. ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาเพิ่มเติมที่ สน.ชนะสงคราม กรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 19 ก.ย. ตำรวจเขาจะแจ้งมาตรา 112 เพิ่ม

และ 2. ให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาที่ ปอท. เขาจะแจ้งมาตรา 112 จากกรณีเขียนจดหมายเมื่อวันที่ 8 พ.ย. โดยระบุเพิ่มเติมว่า “ชีวิตมันไม่ยินดียินร้ายกับเรื่องพวกนี้แล้ว ปล่อยวาง และปล่อยผ่าน”

พล.ต.ต.จิรพัฒน์ ภูมิจิตร รอง ผบช.น. พล.ต.ต.สันติ ชัยนิรามัย ผบก.สส.บช.น. และ พล.ต.ต.พัฒนา เพศยนาวิน ผู้ผบก.น.2 พร้อมตำรวจที่เกี่ยวข้องจำนวนหนึ่ง ประชุมติดตามความคืบหน้ากรณีมีเหตุยิงการ์ดผู้ชุมนุมคณะราษฎรที่แยกรัชโยธิน จนมีผู้บาดเจ็บ 2 ราย ได้แก่ นายวันชัย อารีย์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันเทคนิคปทุมธานี และนายภาสพงศ์ กุลอมรกานต์ อายุ 25 ปี อดีตนักศึกษาอาชีวะสถาบันมีนบุรีโปลีเทคนิค หลังประกาศยุติการชุมนุมหน้าธนาคารไทยพาณิชย์สำนักงานใหญ่ เมื่อคืนวันที่ 25 พ.ย.ที่ผ่านมา

พล.ต.ต.จิรพัฒน์ เผยว่าจากการสืบสวนและสอบสวนพยาน มีความชัดเจนว่าตำรวจจะขอศาลออกหมายจับ นายภาสพงศ์ ผู้ยิงที่ถูกรุมทำร้ายร่างกายหลังก่อเหตุ เบื้องต้นเป็นความผิดฐานครอบครองอาวุธปืน เนื่องจากมีหลักฐานตั้งแต่ก่อนและขณะเกิดเหตุทั้งภาพกล้องวงจรปิด และพยานบุคคลชัดเจน ส่วนอาวุธปืนที่พบนั้นเป็นปืนลูกโม่ขนาด .38 เบื้องต้นพบว่ามีทะเบียน แต่กำลังตรวจสอบเรื่องการครอบครองและลายพิมพ์นิ้วมือ รวมถึงคราบเขม่าควัน

ใน ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างคนยิงกับคนเจ็บนั้น จากการสอบปากคำทราบว่าทั้งคู่เป็นการ์ดของกลุ่มผู้ชุมนุมคณะราษฎร แต่ทั้งคู่ก็พ้นสภาพนักศึกษาอาชีวะทั้ง 2 สถาบัน โดยมีปัญหามาจากเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับเรื่องการชุมนุม เพราะเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังยุติการชุมนุม แล้วมีฝ่ายหนึ่งจะเริ่มขว้างระเบิดปิงปองก่อน แล้วพากันวิ่งหลบหนี จนมีกลุ่มหนึ่งไล่ตาม และคว้าอาวุธปืนมายิง โดยเวลา 17.00 น.

แนะนำ : รีวิวเครื่องใช้ไฟฟ้า | รีวิวอาหารญี่ปุ่น| รีวิวที่เที่ยว | ดาราเอวี